วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551
5 วิธีที่คุณสามารถสนุกกับภาษาอังกฤษ
Beginnings and endings(อักษรขึ้นต้นและลงท้าย)
เกมส์นี้เน้นที่อักษรขึ้นต้นและลงท้ายของแต่ละคำ ผู้เล่นคนแรกเลือกเอ่ยศัพท์คำหนึ่งขึ้นมา แล้วผู้เล่นคนถัดไปต้องหาศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยอักษรลงท้ายของศัพท์คำนั้นตอบให้เร็วที่สุด เช่น
ผู้เล่นคนที่ 1: English
ผู้เล่นคนที่ 2: heart
ผู้เล่นคนที่ 3: telephone
ผู้เล่นคนที่ 4: elephant
ถ้าใครคิดหาศัพท์ไม่ออกหรือลังเลหรือพูดศัพท์ที่อักษรขึ้นต้นไม่ถูกอย่างที่ควรจะเป็น ก็ต้องออกจากเกมส์ไป คนสุดท้ายที่เหลืออยู่เป็นผู้ชนะ
I spy ...(ฉันเห็น...)
เลือกชื่อของวัตถุอันหนึ่งซึ่งคุณมองเห็นได้ ตัวอย่างเช่น ลูกแอ๊ปเปิ้ลบนโต๊ะข้างหน้าคุณ แล้วพูดบอกใบ้ว่าว่า "I spy with my little eye something red," เพราะแอ๊ปเปิ้ลลูกนั้นสีแดง เป็นต้น
หลังจากนั้นปล่อยให้เพื่อนของคุณพยายามทายว่าสิ่งที่คุณเลือกคืออะไร เช่น "Is it the lamp?" พวกเขาต้องเดาไปจนกว่าจะถูก !หรือคุณอาจบอกใบ้ด้วยการใช้คำ adjective คำอื่นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับสีเสมอไป เช่น "I spy ... something round" หรือ "I spy ... something small."
Charades(เล่นทายคำ)
โชว์พรสวรรค์ด้านการแสดงของคุณในการเล่นเกมนี้ ! ก่อนอื่นให้คิดชื่อภาพยนตร์เรื่องไหนก็ได้ที่ดังๆ แล้วพยายามแสดงท่าทางบอกใบ้โดยห้ามใช้คำพูดใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อนๆ ที่ร่วมเล่นเกมต้องเดาว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นชื่ออะไร คนที่ทายถูกเป็นคนแรกจะได้ออกไปหน้าห้องเป็นคนเลือกเรื่องภาพยนตร์คนต่อไป
Who am I?(ฉันคือใคร?)
ส่งผู้เล่นคนหนึ่งออกไปนอกห้องแล้วคนข้างในตกลงกันเองว่าจะสมมุติให้ผู้เล่นข้างนอกเป็นคนที่มีชื่อเสียงคนใด อย่าง นักธุรกิจ ดารา นักร้อง นักกีฬา เป็นต้น เสร็จแล้วบอกให้ผู้เล่นคนนั้นกลับเข้ามาในห้องเพื่อเขาจะได้ถามว่า "Who am I?" คนอื่นๆ แต่ละคนในห้องต้องบอกใบ้คนละอย่าง เช่น
ผู้เล่นคนที่ 1: Who am I?
ผู้เล่นคนที่ 2: You are a businessman.
ผู้เล่นคนที่ 1: Who am I?
ผู้เล่นคนที่ 3: You are very rich.
ผู้เล่นคนที่ 1: Who am I?
ผู้เล่นคนที่ 4: You are an American.
หลังจากที่ฟังคำใบ้จนครบจากทุกคนแล้ว ผู้เล่นคนที่ 1 มีสิทธิ์เดาได้สามครั้ง อย่างเช่น "Am I Bill Gates?"
Word associations(ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกัน)
เริ่มด้วยการเอ่ยศัพท์คำหนึ่งขึ้นมาแล้วผู้เล่นคนต่อไปต้องพูดศัพท์คำอื่นที่เกี่ยวกับคำแรกออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด เช่น
ผู้เล่นคนที่ 1: Love
ผู้เล่นคนที่ 2: Heart
ผู้เล่นคนที่ 3: Red
ผู้เล่นคนที่ 4: Fire
ต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ ถ้าผู้เล่นคนใดใช้เวลานานในการคิดศัพท์หรือเอ่ยศัพท์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำก่อนหน้านั้นเลย ต้องออกจากเกมส์ คนสุดท้ายที่เหลืออยู่จะเป็นผู้ชนะ !
วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551
การสอบ TOEFL
ข้อควรจำในการสอบโทเฟล
1. การเขียนชื่อ - นามสกุล ต้องสะกดชื่อ นามสกุล เป็นภาษาอังกฤษ ให้เหมือนกับในหลักฐานแสดงตัว โดยที่ใช้นามสกุลขึ้นต้นก่อน ตามด้วยชื่อจริง และจะต้องสะกดตามนี้ ทุกครั้งที่กรอกรายละเอียดลงบน ใบสมัครเมื่อต้องการเขียนจดหมาย ส่งแฟกซ์ ส่งอี-เมล์ หรือการติดต่อ กับ ETS ซึ่งเป็นผู้จัดสอบ
*** ผลสอบ TOEFL สามารถใช้ได้เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่เข้าสอบเท่านั้น **
วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551
Cyclone tropical
L'importance de la condensation comme source principale d'énergie différencie les cyclones tropicaux des autres phénomènes météorologiques, comme les dépressions des latitudes moyennes, qui puisent leur énergie plutôt dans les gradients de température préexistants dans l'atmosphère. Pour conserver la source d'énergie de sa machine thermodynamique, un cyclone tropical doit demeurer au-dessus de l'eau chaude, qui lui apporte l'humidité atmosphérique nécessaire. Les forts vents et la pression atmosphérique réduite au sein du cyclone stimulent l'évaporation, ce qui entretient le phénomène.
Le dégagement de chaleur latente dans les niveaux supérieurs de la tempête élève la température à l'intérieur du cyclone de 15 à 20°C au-dessus de la température ambiante dans la troposphère à l'extérieur du cyclone. Pour cette raison, on dit des cyclones tropicaux qu'ils sont des tempêtes à « noyau chaud ». Notons toutefois que ce noyau chaud n'est présent qu'en altitude - la zone touchée par le cyclone à la surface est habituellement plus froide de quelques degrés par rapport à la normale, en raison des nuages et de la précipitation.
วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551
ทายนิสัยจากอาการเสียใจ
อาละวาดหรือปาข้าวของ
5 ประโยคที่ดีที่สุดในการเริ่มการสนทนาเมื่อเข้าสังคม!
การพยายามแนะนำตัวเองต่อคนแปลกหน้าอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก ก็ถ้าคุณไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย แล้วคุณจะหาเรื่องอะไรมาคุย? คุณจะเริ่มการสนทนาอย่างน่าสนใจกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้อย่างไร? ประโยคต่อไปนี้คือ “ice-breakers,” ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถนำไปใช้ได้
หาสิ่งที่คุณและเขามีร่วมกัน ถึงแม้คุณจะคิดว่าคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนนั้นเลย แต่จริงๆ แล้วคุณรู้มากกว่าที่คุณคิด ก็คุณและเขาอยู่ในห้องเดียวกันนี่หนึ่งละ ดังนั้นคุณสามารถถามเขาได้ว่า “So what brings you here?” หรือสมมุติว่าคุณอยู่ที่งานปาร์ตี้ของ Bob เพื่อนคุณ คุณสามารถถามคนๆ นั้นว่า “How do you know Bob?”
ชมเขา คนเราทุกคนต่างก็พอใจที่จะได้ยินสิ่งดีๆ เกี่ยวกับตัวเองทั้งนั้น “What a wonderful dress you’re wearing!” หรือบอกเขาว่าคุณชอบรองเท้าของเธอหรือแว่นตาของเขามาก เป็นต้น หลังจากนั้น ถ้าคู่สนทนาของคุณไม่กล่าวอะไรต่อมากไปกว่าคำว่า “thank you,” คุณสามารถถามต่อไปว่า “Where did you get it?” หรือ “What’s it made out of?” หรือแม้แต่ “Was it expensive?” คำถามเหล่านี้ดีตรงที่มันเป็นการเปิดโอกาสให้คนๆ นั้นบอกเล่าสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเองให้คุณฟัง ถามคำถามเกี่ยวกับเขา คนส่วนใหญ่ต่างก็มีการมีงานทำกันทั้งนั้น ฉะนั้นคุณสามารถถามเขาว่า “So what do you do for a living?” หรือคุณอาจถามไปว่า “Where are you from originally?” ซึ่งหมายถึงคุณต้องการรู้ว่าเขาเกิดที่ไหน คำถามเป็นสิ่งที่ช่วยให้การสนทนาเป็นไปได้ง่ายขึ้น ถ้าคู่สนทนาของคุณเป็นคนสุภาพ เขาจะถามคุณกลับ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คุณพูดเกี่ยวกับตัวคุณเองด้วย แนะนำตัวเอง อย่างเพียงแค่กล่าวว่า “Hi, my name is John.” ให้เติมรายละเอียดเข้าไปด้วยเช่น “Hi, my name is John. I’m a friend of Bob’s from high school. We use to have the same math class together.” นี่เป็นวิธีดึงความสนใจจากคู่สนทนาและกระตุ้นให้เขาถามเกี่ยวกับคุณหรือเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาเองให้คุณทราบเป็นการสนองกลับ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบางอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องถามเขาเป็นการส่วนตัว แต่คุณสามารถดึงความสนใจจากเขาโดยการกล่าวลอยๆ อย่างเช่น “This is a great party” หรือ “What a lovely house this is.” ถึงแม้ว่างานปาร์ตี้หรือบ้านหลังนี้จะไม่ใช่ของเขา แต่ประโยคข้างต้นเป็นหัวข้อง่ายๆ ที่ดีในการเปิดโอกาสให้คนแสดงความคิดเห็นของเขา อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ice-breakers เหล่านี้ใช้ได้ดีเพราะคุณและคนแปลกหน้านี้มีบางสิ่งร่วมกัน นั่นก็คือพวกคุณกำลังคุยกันยังไงล่ะ
วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551
Fourrure
La fourrure est le pelage d'un animal. Par extension il s'agit également de la peau de celui-ci, tannée en préservant les poils
Pelage
Le terme fourrure désigne les poils des mammifères, aussi connu comme le pelage (comme le terme plumage pour les oiseaux). Véritable fourrure vient des animaux où la couverture consiste en poil ras, long poil de garde. Celle des chiens est classée entre court, long et dur. Les animaux sans fourrure sont appelés nu, comme le singe nu et le rat-taupe nu.
La fourrure consiste habituellement en deux couches principales :
le duvet proche du corps, dense et court ;
le poil de garde ou jarre qui dépasse du duvet et qui donne la couleur.
Les hommes primitifs portaient de la fourrure pour se vêtir à l'époque des cavernes. L'époque moderne a créé de nombreuses matières synthétiques ou naturelles de substitution.
Tonte des moutons au XIXe siècle
La création de vêtements en fourrure implique de laisser le poil de l'animal sur la peau traitée. Par contraste le cuir implique de retirer la fourrure de la peau. La fourrure tondue d'un mouton est appelée la laine[2]. Elle s'obtient par tissage des poils tondus qui repoussent ensuite et peut être facilement filée et tissée pour créer des textiles chauds et doux en fibres naturelles.
D'autres animaux ont un pelage qu'il est possible de tisser.
Plusieurs espèces de chèvres à poil long donnent une fibre recherchée comme la chèvre du Tibet (ou chèvre angora) qui fournit le mohair ou le tibet, la chèvre Pashmînâ ou chèvre de Kaschmir (Capra Hircus) qui fournit le Pashmînâ ou le cachemire quand il ne s'agit pas des poils issus des parties les plus douces du cou et du torse et la chèvre de Mongolie.
On tisse aussi le poil du lapin angora qui fournit l'angora après épliation, le mouflon, le chameau, le paco qui fournit l'alpaga, le lama, la vigogne et même parfois le poil de chien
วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551
Trou noir++หลุมดำ++
Il existe plusieurs sortes de trous noirs. Lorsqu’ils se forment à la suite de l’effondrement gravitationnel d’une étoile, on parle de trou noir stellaire. Quand on les trouve au centre des galaxies, ils ont une masse pouvant aller jusqu’à plusieurs milliards de masses solaires et on parle alors de trou noir supermassif (ou trou noir galactique). Entre ces deux échelles de masse, on pense qu’il existe des trous noirs intermédiaires avec une masse de quelques milliers de masses solaires. Des trous noirs de masse bien plus faible, qui auraient été formés au début de l’histoire de l’univers, au Big Bang, sont aussi envisagés, et sont appelés trous noirs primordiaux. Leur existence n’est, à l’heure actuelle, pas confirmée.
Il est impossible d’observer directement un trou noir. Il est cependant possible de déduire sa présence par son action gravitationnelle sur son environnement, notamment au sein des microquasars et des noyaux actifs de galaxies, où de la matière à proximité tombant sur le trou noir va se trouver considérablement chauffée et émettre un fort rayonnement X. Les observations permettent ainsi de déceler l’existence d’objets massifs et de très petite taille. Les seuls objets que ces observations impliquent et qui sont compatibles dans le cadre de la relativité générale sont les trous noirs.
หลุมดำแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
หลุมดำมหามวลยวดยิ่ง ชนิดนี้เป็นหลุมดำที่มีพลังสูงคณานับ คาดว่าอยู่ที่ใจกลางของเควซาร์ (Quasar)
หลุมดำที่เกิดจากดาวฤกษ์มวลมากที่ระเบิดเป็นซูเปอร์โนวา
หลุมดำขนาดเล็ก เกิดในบริเวณใกล้ดาวฤกษ์โปรตอน
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551
Fantôme
L'imaginaire commun dans toutes les cultures est peuplé de telles créatures surnaturelles, qui servent de matière à de très nombreuses fables et légendes. Le romantisme, puisant son inspiration au mystique et ténébreux Moyen Âge, a remis au goût du jour les histoires macabres ou fantastiques, et de nombreux grands auteurs ont laissé courir leur imagination sur le thème des fantômes et des revenants.
วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551
Dreamgirls
Curtis remodèle le groupe. Effie, la soliste du groupe est remplacée par Deena jugée plus attrayante physiquement. Elle finit par quitter le groupe et à être remplacée. Le nouveau trio devient plus sophistiqué et c'est le succès. L'argent, la renommée, et l'adulation, cependant, ne leur apporte pas le bonheur.
Manchot
Le cri des manchots est appelé braiement ou jabotement.
Cet oiseau ressemble beaucoup au manchot empereur dont il se distingue par la taille plus petite, les taches auriculaires orange vif en forme de cuillère et la base de la mandibule inférieure orange à rougeâtre. Les juvéniles sont plus pâles, avec parfois un bec noir.
วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551
อาการของมะเร็งที่อวัยวะต่าง ๆ
1.มะเร็งผิวหนัง ส่วนมากจะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงของไฝ ปาน หรือ จุดตกกระในคนแก่ โดยมีอาการคันแตกเป็นแผล เรื้อรังไม่ยอมหาย โดยไม่มีอาการเจ็บปวด ต่อมาแผลโตขึ้นเร็ว และมีเลือดออก มีสาเหตุสัมพันธ์กับการถูกแสงแดด (แสงอัลตราไวโอเลต) การกินยาที่เข้า สารหนู หรือน้ำมันดินที่มีผสมอยู่ในยาจีนยาไทย การสัมผัสถูกสารหนู หรือน้ำมันดิน การระคายเรื้อรังต่อไฝ ปานหรือหูดที่มีอยู่ก่อน
2.มะเร็งในช่องปาก จะมีก้อนหรือแผลเรื้อรังเกิดขึ้นที่ริมฝีปาก เยื่อบุช่องปาก ลิ้น โดยเริ่มจากฝ้าขาวๆ ที่เรียกว่า ลิวโคพลาเคีย (Leukoplakia) มีสาเหตุสัมพันธ์กับการระคายเรื้อรัง เช่น กินหมาก จุกยาฉุน ฟันเกหรือใส่ฟันปลอมไม่กระชับ ดื่มเหล้าเข้มข้น (ไม่ผสมเจือจาง) สูบบุหรี่
3.มะเร็งที่จมูกและโพรงหลังจมูก มีอาการเลือดออกทางจมูก หน้าชา คัดจมูก ปวดศีรษะ ต่อมาอาจมีเลือดปนน้ำเหลืองออกทางจมูก หูอื้อ กลืนไม่ได้ ตาเข ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต มะเร็งที่โพรงหลังจมูก มีสาเหตุสัมพันธ์กับการดื่มเหล้าเข้มข้น สูบบุหรี่ การติดเชื้อไวรัสอีบีวี (EBV)
4.มะเร็งที่กล่องเสียง มีอาการเสียงแหบเรื้อรังและอาจมีอาการเจ็บคอ เวลากลืนเหมือนมีก้างติดคอต่อมามีเลือดออกปนกับเสมหะ มีสาเหตุสัมพันธ์กับการดื่มเหล้าเข้มข้น การสูบบุหรี่จัด การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี
5.มะเร็งปอด มีอาการไอเรื้อรัง น้ำหนักลด ไอออกเป็นเลือดปนเสมหะ มีสาเหตุสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ การสูดควันดำจากท่อไอเสียรถ เขม่าจากโรงงาน สารใยหิน (asbestos) หรือฝุ่นนิกเกิล
6.มะเร็งหลอดอาหาร เริ่มแรกอาจรู้สึกเจ็บเวลากลืนอาหาร ต่อมากลืนข้าวสวยไม่ได้ ต่อมากลืนข้าวต้มไม่ได้ จนในที่สุดกลืนได้แต่ของน้ำๆ หรือ กลืนอะไรก็ไม่ลงเลย พบมากในผู้ชาย มีสาเหตุสัมพันธ์กับการกินอาหาร และดื่มของร้อนๆ (เช่น น้ำชาร้อน ๆ), การดื่มเหล้าเข้มข้น, การสูบบุหรี่, ภาวะขาดวิตามินเอ เป็นต้น
7.มะเร็งกระเพาะอาหาร มีอาการท้องอืด แน่นท้องอยู่เรื่อย เบื่ออาหาร ต่อมาอาจมีอาเจียน คลำก้อนได้ที่ใต้ชายโครงซ้าย น้ำหนักลด ซีด อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ มีสาเหตุสัมพันธ์กับการเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ จากเชื้อเอชไพโลไร (H. pylori) แบบเรื้อรัง, การกินอาหารที่มีสารไนเทรตหรือไนโตรซามีน, อาหารเค็มหรืออาหารหมักเกลือ, อาหารประเภทรมควัน, กรรมพันธุ์, การมีประวัติการผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นต้น
8.มะเร็งตับอ่อน เริ่มแรกอาจมีอาการท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ต่อมามีอาการปวดท้อง และปวดหลังดีซ่าน ถ่ายอุจจาระสีซีดขาว เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีสาเหตุสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ สารไนโตรซามีนสารไฮโดรคาร์บอน การกินอาหารพวกไขมันและโปรตีนสูง และอาจมีสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์
9.มะเร็งลำไส้เล็ก มักมีอาการปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หรือถ่ายดำ น้ำหนักลด เป็นไข้ หรือมีภาวะลำไส้อุดตัน (ปวดท้องรุนแรง อาเจียน) บางรายอาจมีอาการดีซ่าน ถ่ายอุจจาระสีซีด ขาว อาจคลำได้ก้อนในช่องท้อง อาจมีสาเหตุสัมพันธ์กับการเป็นลำไส้เล็กอักเสบเรื้อรัง
10.มะเร็งลำไส้ใหญ่ มีอาการท้องผูกสลับกับท้องเดินแบบเรื้อรัง หรือถ่ายเป็นเลือด หรือมูกปนเลือดเรื้อรัง ปวดท้อง ปวดหลัง ซีด น้ำหนักลด มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ เช่น ภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูง, การกินอาหารที่มีกากใยน้อย แต่กินพวกไขมันมาก, ประวัติการเป็นมะเร็งในญาติพี่น้อง เป็นต้น
11.มะเร็งต่อมน้ำเหลือง จะมีต่อมน้ำเหลืองโตเป็นก้อนที่บริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ อาจมีไข้เรื้อรัง มีสาเหตุสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส เอชทีแอลวี-1, เชื้ออีบีวี, เอดส์, การได้รับยาเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัดมาก่อน เป็นต้น
12.มะเร็งเต้านม คลำได้ก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม (เดิมเป็นปกติ เพิ่งมาบุ๋มตอนหลัง) หรือมีน้ำเหลืองหรือเลือดออกทางหัวนม ต่อมาจะมีต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ข้างเดียวกันโต ผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ เช่น ผู้หญิงที่มีมารดาเป็นมะเร็งเต้านม ก่อนวัยหมดประจำเดือน หรือมีญาติพี่น้องเป็นโรคนี้หลังวัยประจำเดือน, ผู้หญิงเกิน 50 ปี ที่ยังไม่มีบุตร, ผู้หญิงที่มีบุตรคนแรกเมื่ออายุเกิน 30 ปี, ผู้หญิงที่มีประวัติเป็นโรคเต้านมเรื้อรัง, คนอ้วน, ผู้ที่สัมผัสถูกรังสี หรือดื่มเหล้า
13.มะเร็งปากมดลูก มีเลือดออกเวลาร่วมเพศ มีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด หรือมีตกขาวเรื้อรัง มีสาเหตุสัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชพีวี (HPV/Human papilloma virus) ของปากมดลูกซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร่วมกับปัจจัยเสริมอื่นๆ เช่น การกินยาเม็ดคุมกำเนิด การสูบบุหรี่ เป็นต้น โรคนี้พบมากในผู้หญิงที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย มีสามีหลายคน หรือมีสามีสำส่อนทางเพศ และในหญิงบริการ
14.มะเร็งอัณฑะ พบมีก้อนแข็งที่ถุงอัณฑะ และโตขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งอาจมีอาการปวดร่วมด้วย สาเหตุ ยังไม่ทราบ พบว่า ผู้ที่มีอัณฑะไม่เลื่อนลงถุงอัณฑะ ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด อาจค้างอยู่ในช่องท้อง หรือขาหนีบ มีโอกาสเป็นมะเร็งอัณฑะมากขึ้น
15.มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขัดและบ่อย มีสาเหตุสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ การสัมผัสถูกสารอะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (aromatic hydrocarbon) ที่เป็นสารประกอบของสีที่ใช้ทางอุตสาหกรรม, การกินอาหารพวกเนื้อปิ้ง ย่าง และไขมันมาก
16.มะเร็งต่อมลูกหมาก มักไม่มีอาการแสดง จนกระทั่งแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง ทำให้มีอาการขัดเบา ปัสสาวะลำบาก หรือ ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดหลังหรือปวดสะโพกน้ำหนักลด มักพบในคนอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มีสาเหตุสัมพันธ์กับฮอร์โมนแอนโดรเจน และพบว่าผู้ที่มีประวัติญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ หรือเคยทำหมันชาย มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้สูงขึ้น
17.มะเร็งกระดูก มีอาการข้อบวม กระดูกบวม บางครั้งพบหลังเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เข้าใจว่าเป็นกระดูกหักได้
18.มะเร็งของลูกตาในเด็ก (Retemoblastoma) นัยน์ตาดำของเด็กมีสีขาววาวคล้ายตาแมว เด็กจะบ่นว่าตาข้างนั้นมัว หรือมองอะไรไม่เห็น เมื่อเป็นมากขึ้น ตาจะเริ่มปูดโปนออกมานอกเบ้าตา
19.มะเร็งรังไข่หรือไต มีอาการมีก้อนในท้อง ท้องมาน ส่วนมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งตับ มะเร็งในสมอง จะมีอาการแบบเดียวกับเนื้องอกในสมอง มะเร็งต่อมไทรอยด์
Le Laboratoire de Dexter
Dexter : 8 ans, rouquin, petit pour son âge et par sa taille mais aussi très intelligent. Il a un immense laboratoire secret caché derrière l'étagère de sa chambre dont ses parents ignorent complètement l'existence et il y passe littéralement la plus grande partie de son temps libre à y inventer ou bien des portails interdimensionnels, des machines à remonter le temps, des télépodes, des machines à rétrécir ou agrandir, etc. Nous noterons d'ailleurs que toutes ses inventions sont développées avec des budgets quasiment illimités.
Il est habillé en permanence de sa blouse blanche de ses grosses lunettes (se déformant et indiquant par la même occasion ses sentiments) et de ses gants violets (protection bactériologique) trahissant sa peur de se faire mal. La relation qu'a Dexter pour ses parents est exactement celle d'un enfant de 10 ans avec des parents dit normaux.
Dee Dee : 11 ans, sœur aînée de Dexter, débordante d'énergie, passant son temps à appuyer sur les boutons d'autodestruction du laboratoire de son frère non pas par méchanceté mais par naïveté. Blonde, avec des jambes occupant à peu près les deux tiers de sa hauteur, Dee Dee est aussi passionnée par les poneys, et sa chambre est une zone à haut risque selon Dexter, car toute rose et emplie de peluches. Malgré l'énervement profond que Dee Dee créé à Dexter en ne cessant de danser dans son laboratoire ou de détruire ses inventions, un lien fort et profond les lie et Dexter s'avoue et avoue plusieurs fois à sa sœur qu'il ne peut se concentrer dans un laboratoire trop silencieux (Cf. épisode Bienvenue à Friandises Land).
Mandark : 12 ans, l'ennemi juré de Dexter, aussi intelligent, disposant de son propre laboratoire, mais plus grand que Dexter, il est amoureux de Dee Dee et essaye désespérément de localiser le laboratoire de Dexter. Également, la physionomie de Mandark (Jambes très longues, corps minuscule et tête imposante) est la même que celle de Dee Dee, ce qui pourrait expliquer son amour pour celle-ci. Maman : mère stéréotypée de Dexter et de Dee Dee, se promenant toujours avec ses gants de nettoyage passés à ses mains. Elle semble d'une naïveté extrême et très douce et gentille mais ne supporte pas que son fils refuse de lui obéir et l'on peut à ses moments là assister à une "explosion" de colère de quelques secondes avant qu'elle ne recourvre ses habitudes doucereuses.
Papa : père stéréotypé de Dexter et de Dee Dee, adore la pêche, le sport, lire son journal et manger les brioches de sa femme. Tout comme cette dernière, il ne brille pas par son intelligence ni sa déduction et ne semble pas non plus connaître l'existence du laboratoire secret (bien que certains épisodes tendraient à nous faire penser que les parents de Dexter savent qu'il existe. Mais la règle communément admise est que seuls Dexter, Dee Dee et Mandark connaissent l'existence du laboratoire.) On s'étonne également souvent de l'immense inattention des parents de Dexter qui ne remarquent pas que leur maison est régulièrement endommagée, voire totalement détruite (le laboratoire est par ailleurs anéanti au moins à trois reprises, une fois par autodestruction, la seconde fois écrasé par la Lune et la troisième fois à la suite de jeux avec sa sœur Dee Dee dans l'épisode Au jeu comme à la guerre) Par ailleurs, le lancement de sondes spatiales depuis le laboratoire (qui nécessite parfois le basculement entier de la maison) ne semble pas déranger plus que cela les parents de Dexter.
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551
14 วิธีขับถ่ายปัสสาวะ เพื่อสุขภาพที่ดี
ไม่น่าเชื่อว่า แม้คนเราจะขับถ่ายปัสสาวะกันมาก ตั้งแต่แรกเกิด แต่หลายคนไม่ทราบวิธีที่ดีที่ทำให้ระบบขับถ่ายปัสสาวะเป็นปกติ วันนี้จะขอเสนอ 14 อุปนิสัยที่ดีในการขับถ่ายปัสสาวะ
- อย่ากลั้นปัสสาวะ เมื่อรู้สึกปวดต้องไปปัสสาวะ
- เวลาปัสสาวะไม่ควรรีบร้อนเบ่งมาก เพราะอาจทำให้หูรูดปัสสาวะชำรุดได้
- ควรถ่ายปัสสาวะให้เหลือน้อยที่สุดในหนึ่งครั้ง นั่นคือเมื่อรู้สึกถ่ายหมดแล้วให้เบ่งต่ออีกนิดหน่อย ปัสสาวะที่เหลือจะไหลออกมา
- ไม่ควรบังคับให้ตนเองถ่ายปัสสาวะบ่อย เพราะจะติดเป็นนิสัย เวลาที่เหมาะสมคือ 2-4 ชั่วโมงควรถ่ายปัสสาวะหนึ่งครั้ง
- ให้สังเกตการถ่ายปัสสาวะ และน้ำปัสสาวะของตนเองทุกครั้งว่า ต้องเบ่งมากผิดปกติหรือไม่ น้ำปัสสาวะลำพุ่งดีหรือไม่ ลำน้ำปัสสาวะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมหรือไม่ น้ำปัสสาวะมีสีเหลืองใสหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการผิดปกติที่สามารถบอกโรคได้
- อาจจะล้างทำความสะอาดหลังปัสสาวะ แต่อย่าให้บริเวณนั้นเปียกชื้น เพราะอาจเกิดเชื้อราได้ ทางที่ดีหลังปัสสาวะทุกครั้ง ควรซับให้แห้ง
- เมื่อปัสสาวะไม่ออก ต้องหาสาเหตุโดยการไปพบแพทย์ อย่าซื้อยาขับปัสสาวะรับประทานเพราะจะเกิดอันตรายได้
- เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน การบริหารอุ้งเชิงกรานโดยการขมิบ (ฝ่ายหญิงขมิบช่องคลอด ฝ่ายชายขมิบทวารหนัก) วันละ 100 ครั้ง จะช่วยป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด
- ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 10 แก้ว หรือหนึ่งลิตร จะช่วยให้น้ำปัสสาวะใส มีจำนวนพอดีและป้องกันภาวะปัสสาวะอักเสบ
- ก่อนมีเพศสัมพันธ์ และหลังมีเพศสัมพันธ์ คุณผู้หญิงควรถ่ายปัสสาวะทิ้ง จะช่วยป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- น้ำปัสสาวะจะต้องเป็นน้ำเท่านั้น ถ้ามีมูก หนอง น้ำเหลือง เลือดปนออกมา ถือว่าผิดปกติต้องไปพบแพทย์
- การขับถ่ายปัสสาวะ ต้องขับถ่ายคล่องไม่มีอาการเจ็บปวด ถ้าปัสสาวะแสบขัดลำบากนับว่าเป็นอาการผิดปกติ ต้องไปพบแพทย์อีกเช่นกัน
- คนเราทุกคนต้องปัสสาวะทุกวัน วันละ 4-6 ครั้ง ถ้าไม่ปัสสาวะเลย 1 วัน ถือว่าตกอยู่ในภาวะอันตราย ต้องไปพบแพทย์โดยด่วน
- ก่อนเดินทางไกล ก่อนยกของหนัก ควรปัสสาวะทิ้งก่อนทุกครั้ง
Pokémon++โปเกมอน++
คำว่าโปเกมอน (Pokémon) เป็นการลดรูปคำแบบโรมันจากตราภาษาญี่ปุ่น "พ๊อคเก็ต มอนสเตอร์" คำว่าโปเกมอน จะหมายถึงสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ 493 ชนิด ที่ปรากฏให้เห็นในสื่อต่าง ๆ ของโปเกมอน เช่นในการเกมสวมบทบาทใหม่ล่าสุด บนเครื่องนินเทนโด ดีเอส นั่นคือโปเกมอนภาคไดมอนด์ และเพิร์ล
ซอฟต์แวร์เกมโปเกมอนที่พัฒนาโดยบริษัทนินเทนโด ได้รับความนิยมอย่างสูงจนมีการสร้างเกมภาคต่อและภาคเสริมออกมาอีกหลายภาค โดยเกมโปเกมอนถูกผลิตขึ้นให้เล่นกับเครื่องเล่นต่าง ๆ มากมายเช่น เกมบอย เกมบอยคัลเลอร์ เกมบอยแอดวานซ์ นินเทนโด 64 นินเทนโด ดีเอส เกมคิวบ์ เป็นต้น โดยชื่อภาคของโปเกมอนในเกมบอยนั้น รุ่นแรกถึงรุ่นที่สองจะตั้งเป็นชื่อสี เช่น รุ่นที่หนึ่งได้แก่ เร้ด (แดง) บลู (น้ำเงิน) กรีน (เขียว) เยลโล่ว์ (เหลือง) รุ่นที่สองได้แก่ โกลด์ (ทอง) ซิลเวอร์ (เงิน) และอีกหนึ่งภาคหนึ่งของรุ่นที่สองที่ไม่ใช่สีคือ คริสตัล แต่ตั้งแต่รุ่นที่สามจนถึงรุ่นที่สี่ในปัจจุบัน จะเป็นชื่ออัญมณี เช่น รุ่นที่สามได้แก่ รูบี้ (ทับทิม) ซัฟไฟร์ (หินซัฟไฟร์) เอเมอรัลด์ (มรกต) รุ่นที่สี่ได้แก่ ไดมอนด์ (เพชร) เพิร์ล (ไข่มุก) เป็นต้น นอกจากนี้ โปเกมอนภาคไดมอนด์ และเพิร์ล ที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2549 ยังเป็นเกมประเภท RPG ที่ขายได้มากที่สุดสำหรับเครื่อง นินเทนโด ดีเอส[2]
โปเกมอน ถูกคิดขึ้นโดยนายซาโตชิ ทาจิริ นักเขียนโปรแกรมชาวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยโปเกมอนจะเป็นตัวการ์ตูนที่เลียนแบบสัตว์ต่าง ๆ ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็น กิ้งก่า หนอน ดักแด้ ผีเสื้อ ผึ้ง หนู กระรอก ตัวตุ่น เป็ด ลูกอ๊อด กบ เป็นต้น หรือจะเป็นพืช เช่น ต้นมะพร้าว เป็นต้น โดยผู้ที่เป็นเจ้าของโปเกมอน ร่วมเดินทาง ร่วมผจญภัยไปพร้อมกับโปเกมอนจะเรียกว่า โปเกมอนเทรนเนอร์ (Pokémon Trainer) โดยเนื้อเรื่องของโปเกมอนนั่นเป็นเรื่องของการผจญภัยของตัวละครเอกขที่มีชื่อว่า ซาโตชิ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับผู้คิดค้น ร่วมเดินทางไปกับโปเกมอนคู่หูที่มีชื่อว่า "ปิกะจู" โปเกมอนหนู รูปแบบไฟฟ้า ซึ่งได้รับจากตัวละครด็อกเตอร์ออร์คิดส์ โปเกมอนตัวนี้เป็นโปเกมอนที่มีผู้คนรู้จักและถูกพูดถึงมากที่สุด และสมุดภาพโปเกมอน (Pokédex) โดยมีเพื่อนร่วมทางอย่าง คาสึมิ และทาเคชิ และมีกลุ่มแก๊งค์วายร้ายที่หวังจะชิงตัวปิกะจูไปจากพวกซาโตชิ แก๊งค์นี้คือ แก๊งร็อกเก็ต (Team Rocket) แต่ก็ถูกโปเกมอนของพวกซาโตชิกำจัดไปได้ทุกตอน
โปเกมอนนอกจากจะถูกสร้างเป็นอะนิเมะ เป็นเกม เป็นการ์ดเกม และของเล่นต่างๆแล้ว ยังเคยถูกสร้างเป็นการ์ตูนฉบับภาพยนตร์อีกด้วย อย่างเช่น Pokémon: The First Movie” หรือ “Pokémon The Movie: Mewtwo Strikes Back” เป็นต้น
ตัวโปเกมอนที่ถูกสร้างขึ้นในปัจจุบันมีทั้งหมด 493 ตัว โดยประกอบด้วย 4 รุ่นคือ
รุ่นที่ 1 ตั้งแต่ตัวที่ 1 ถึงตัวที่ 151 (ปิกะจู เป็นโปเกมอนตัวที่ 25)
รุ่นที่ 2 ตั้งแต่ตัวที่ 152 ถึงตัวที่ 251
รุ่นที่ 3 ตั้งแต่ตัวที่ 252 ถึงตัวที่ 386
รุ่นที่ 4 ตั้งแต่ตัวที่ 387 ถึงตัวที่ 493
โดยชื่อของโปเกมอนแต่ละตัวนั้นจะมีทั้งชื่อภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ และโปเกมอนบางตัวชื่อภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษเป็นชื่อเดียวกันเช่น ปิกะจู (Pikachu) เป็นต้น และอาจจะมีชื่อในภาษาอื่น ๆ ด้วย เช่น ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส เป็นต้น
ในประเทศไทย ได้มีการนำการ์ตูนโปเกมอนมาฉายทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ประมาณปี พ.ศ. 2544 และหลังจากปี พ.ศ. 2548 การ์ตูนเรื่องนี้ได้หายไปจากรายการกว่า 3 ปี และกลับมาอีกครั้งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2551
Winnie l'ourson
Le personnage de Winnie, un ourson en peluche animé, a été inspiré à l'auteur par son fils qu'il voyait jouer avec ses peluches. De la même façon que les enfants s'inventent des histoires dont ils sont les seuls à percevoir les enjeux, Winnie et ses amis vivent des aventures qui peuvent sembler dérisoires aux adultes. L'univers dans lequel évoluent ces personnages est gentil et joyeux sans être dénué d'inquiétudes.
Adoptées et adaptées par Walt Disney, les aventures de Winnie l'ourson ont par la suite connu de nombreuses adaptations, jusqu'à devenir une star des produits dérivés chez les 3-8 ans. La première traduction française, due à Jacques Papy, date de 1946.
Dans la version française des dessins animés, Roger Carel double Winnie l'Ourson, ainsi que le personnage de Coco Lapin.
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551
Les verbes pronominaux
présent
Géants de Catalogne
La fête de la Mercé à Barcelone donne l'occasion à tous ces géants ainsi que le bestiaire de ciutat vella (la Tarrasque en fait partie) et le lutin Patufet el Barufet de se réunir sur la place face à la cathédrale gothique, après une parade dans les rues piétonnes.
C'est un spectacle pour petits et grands.
Le nez
Le nez est composé des ailes, de la cloison, de poils, de la racine et des narines.
Dans le langage courant, le nez désigne chez certains animaux la partie supérieure de l'extrémité du museau.
La muqueuse qui tapisse les fosses nasales est riche en vaisseaux sanguins, d'où sa couleur rose. Elle renferme de nombreuses glandes à mucus qui la maintiennent constamment humide. Cette muqueuse réchauffe, humidifie et filtre partiellement l'air inspiré.
À la muqueuse rose s'oppose la muqueuse jaune, à rôle sensoriel. Celle-ci forme sur le cornet supérieur une tache de l'ordre du centimètre carré. Elle est pauvre en vaisseaux et en glandes, mais elle contient les terminaisons nerveuses du nerf olfactif. Cette zone olfactive est sensible à certaines substances solubles dans le mucus nasal. Quand le mucus est rare (par temps sec), l'olfaction est moins bonne. Quand, au contraire, le mucus est trop abondant (en cas de rhume), l'odorat disparaît quasiment.
วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551
mouton
C'est un mammifère ruminant qui n'existe pratiquement plus que sous forme domestiquée. À l'instar de tous les ruminants, les moutons sont des ongulés marchant sur deux (un nombre pair) doigts (Cetartiodactyla). Ils descendent très probablement des mouflons d'Europe et d'Asie.
C'est l'un des premiers animaux à avoir été domestiqué et ils sont surtout appréciés pour leur laine et leur viande. La laine de mouton est le poil animal le plus utilisé et est généralement récolté par une coupe avec des cisailles (la tonte).
Les moutons sont élevés dans le monde entier et ont joué un rôle central dans de nombreuses civilisations. A l'heure actuelle, l'Australie, la Nouvelle-Zélande, la Patagonie et le Royaume-Uni sont les principales régions consacrées à son élevage.
Animal clé dans l'histoire de l'agriculture, le mouton a profondément marqué la culture humaine. Les moutons sont souvent associés aux scènes champêtres. Le mouton figure dans de nombreuses légendes, comme la Toison d'Or et dans les grandes religions, en particulier les religions abrahamiques. Dans les rites anciens et modernes, les moutons sont utilisés comme animaux de sacrifice.
Tom et Jerry
Tom et Jerry est une série américaine de dessins animés courts créés par les dessinateurs/réalisateurs William Hanna et Joseph Barbera et produits par la MGM de 1940 à 1958. Ces dessins animés humoristiques ont pour principaux protagonistes un chat, Tom, et une souris mâle, Jerry.
La MGM produisit lors du départ des deux animateurs (qui fondèrent leur propre studio, Hanna Barbera Productions) d'autres épisodes de Tom et Jerry, réalisés par des studios indépendants (Gene Deitch's Rembrandt Films de 1961 à 1962, et Chuck Jones' Sib Tower 12 Productions de 1963 à 1967). Hanna Barbera Productions reprit en 1975 la production de Tom et Jerry jusqu'en 1977, et à nouveau de 1990 à 1993. Entre-temps, le dessin animé fut produit de 1980 à 1982 par Filmation Studios. La série originale des aventures de Tom et Jerry est célèbre pour ses nombreuses nominations et ses sept victoires aux Oscars. En 2006, une nouvelle série Tom and Jerry Tales est produite.
Le scénario de chacun des épisodes est basé sur les tentatives infructueuses de Tom pour attraper Jerry et le chaos que leurs bagarres engendrent. Les raisons qui poussent Tom à pourchasser Jerry vont de la faim purement féline au simple plaisir de tourmenter plus petit que soi, en passant par un désir de revanche pour avoir été ridiculisé. Tom ne réussit cependant jamais à s'emparer de Jerry, en particulier à cause de l'intelligence de la souris. La série est célèbre pour l'utilisation de gags parmi les plus destructifs et violents jamais utilisés dans un dessin animé : Jerry découpant Tom en deux, Tom utilisant toutes les armes et artifices à sa portée (haches, pistolets, fusils, dynamite, poison) pour tenter d'assassiner Jerry.
Les personnages ne parlent quasiment jamais et l'action est soulignée par la musique, qui joue dans la série un rôle important. Le directeur musical Scott Bradley créa pour la série de nombreuses bandes originales complexes, incluant jazz, classique et pop. Le silence des protagonistes a été assumé dans le long-métrage dérivé de la série où les deux découvrent par hasard qu'ils parlent.
Jerry apparaît dans Escale à Hollywood.
Tom et Jerry furent également les héros de multiples longs-métrages d'animation.
Tom est un chat domestique gris, qui mène une vie tranquille, que Jerry, une petite souris brune, tente de déranger et d'interrompre, provoquant la colère de Tom qui le pourchasse. Bien qu'énergique et déterminé, Tom n'arrive pas à la cheville de Jerry, dont l'inventivité est sans égale pour ridiculiser et embarrasser son adversaire. À la fin de l'épisode, le générique fait souvent un gros plan sur un Jerry triomphant et ayant survécu.
Dans ses tentatives pour attraper Jerry, Tom a souvent à faire à l'intervention d'autres personnages tels que Butch, un chat de gouttière noir qui veut lui aussi attraper la souris ; Spike, un bulldog (parfois appelé Killer), chien de garde vicieux et Mammy-Two-Shoes (littéralement « Mamie-Deux-Chaussures »), la propriétaire de Tom, qui pourchasse Tom avec un balai lorsqu'il fait des bêtises. À la fin des années 1940, Jerry adopte une petite souris grise Nibbles (ou Tuffy). Au cours des années 1950, Spike est représenté avec un fils, Tyke, qui conduit le chien à s'adoucir un petit peu, et qui donne naissance à une série dérivée de courte durée, Spike et Tyke.
Bien que plusieurs des personnages secondaires parlent (notamment Mammy-Two-Shoes), Tom et Jerry ne parlent généralement pas, même s'ils s'expriment par des bruits divers (ou des chants, comme celui de Tom tentant de faire la cour à des demoiselles félines). Le réalisateur William Hanna est à l'origine de la plupart des bruitages pour les deux personnages.