++mint_jan++MRB

ยินดีต้อนรับทุกคนที่แวะเข้ามาบล็อกของมิ้นเจนนะค่ะ

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทำไมอิ่มแล้วจึงง่วง?


มีการวิจัยออกมาว่าสาเหตุหลักที่เราง่วงหลังมื้ออาหารก็คือ

เมื่อเราทานอาหารมากๆ ทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักในการย่อยอาหาร ในระหว่างนั้นเลือดต้องไหลเวียนมาที่กระเพาะอาหารมากกว่าที่อวัยวะอื่นๆ โดยเฉพาะสมอง จึงทำให้รู้สึกง่วง ซึม เฉื่อยชาหลังทานอาหาร

หากทานอาหารประเภทเส้นที่มีแป้งและน้ำตาลมากจนเกินไป ก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดขึ้นสูงกว่าปกติ ทำให้อารมณ์และสมาธิไม่สมดุล ทำให้เกิดอาการง่วงซึม และอ่อนเพลียเกิดขึ้น

ดังนั้นในการทานอาหารควรทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และในปริมาณที่พอดี ควรเน้นผักผลไม้ที่มีเส้นใยสูง เพราะจะช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้ และที่สำคัญสามารถลดอาการง่วงซึมได้

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สูตรแห่งความสุข...ตำราชีวิตประจำวัน


"สูตรแห่งชีวิตประจำวัน"

ที่ควรจะส่งต่อไปให้คนที่เรารัก, ห่วงใยและต้องการให้เขาหรือเธอมีความสุขทั้งกายและใจ...ทำนองเดียวกันที่ชาวชีวจิตมีความห่วงหาอาทรต่อกันอย่างไม่ลดละ เพื่อนเรียกสูตรนี้ว่าเป็น Lifebook หรือเป็น "ตำราแห่งชีวิต" ซึ่งผมคิดว่าเหมาะเจาะกับเนื้อหา และคำแนะนำที่น่าสนใจยิ่ง ทั้งง่ายและตรงไปตรงมา, ใครจะทำก็ได้, ไม่ทำก็ได้,เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล, ไม่บังคับยัดเยียดกัน, ไม่ต่อว่าต่อขานกัน, แต่ถ้าหากมีความมุ่งมั่นจะทำอะไร ให้กับชีวิตของตนเอง, ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าส่งเสริมสนับสนุน สมควรที่จะให้กำลังใจแก่กันและกันอย่างยิ่ง

สูตรที่ว่านี้มีง่าย ๆ อย่างนี้

๑. ดื่มน้ำให้มาก

๒. กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึงอาหารเย็น, ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลาง ๆ ตอนเที่ยง และตกเย็นแล้ว, ทำตัวเป็นยาจก, ไม่มีอะไรจะกิน....สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแหละ)

๓.กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน

๔.ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E...นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้น และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ

๕. หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ

๖. เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย

๗. อ่านหนังสือให้มากขึ้น...ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา

๘. นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้

๙. นอนวันละ 7 ชั่วโมง

๑๐.เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาที, แล้วแต่จะสะกวด, ไม่ต้องเครียดกับมัน, วันไหนไม่ได้เดิน, ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน

๑๑.ระหว่างเดิน, อย่าลืมยิ้ม

นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ, หากทำเป็นกิจวัตร, ชีวิตก็จะแจ่มใส,แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วางกำหนดเวลา ของตนเอาไว้ วันนี้ทำไม่ได้, พรุ่งนี้ทำก็ได้ แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการผลัดวันประกันพรุ่ง, ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้ครับ

๑. อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง

๒. อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย

๓. อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้....รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน

๔. อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก

๕. อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง

๖. จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ

๗. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว

๘. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ

๙. ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น

๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ

๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง

๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตร ซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต

๑๓. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น

๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกันได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร

แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?

๑. อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ

๒. จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน

๓. จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง

๔. จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ

๕. พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน

๖. คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสัก หน่อย

๗. งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้น, อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด

และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้, ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้

๑. ทำสิ่งที่ควรทำ

๒. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์, จงทิ้งไปเสีย...เก็บไว้ทำไม?

๓. เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้

๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน

๕. ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุกจากเตียง, แต่งตัวและปรากฎตัวต่อหน้า คนที่เราร่วมงานด้วย...get up, dress up and show up.

๖. สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง

๗. ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย

๘. เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ...ดังนั้น, ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?


วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โรงแรมใต้น้ำ ที่ดูไบ‏





อยากหัวเราะดังๆ สบายใจบ้างมั้ย? ลองดูประโยคภาษาอังกฤษทั้ง 5 ต่อไปนี้สิ!


การเรียนหลักไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษบางครั้งก็ไม่ง่ายเท่าใดนัก แต่การพยายามทำความเข้าใจประโยคภาษาอังกฤษบางอย่างอาจเป็นไปแทบไม่ได้ด้วย ซ้ำ เพราะบางประโยคก็ฟังดูยุ่งยากซับซ้อน บางประโยคอาจทำให้คุณสับสนงุนงงไปเลยเหมือนกัน ลองอ่านประโยคภาษาอังกฤษน่าขันต่อไปนี้แล้วนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ต้องใช้ให้ถูกต้องกับสถานการณ์ก็แล้วกัน!

“I’m happy as a clam.” นึกดูภาพหอยกาบก็แล้วกัน วันๆ ไม่ต้องทำอะไรแค่นอนเล่นบนหาดทรายหรือนอนแช่ในน้ำทะเลทั้งวัน มันไม่ต้องไปทำงาน ฟังดูแล้วน่ามีความสุขใช่มั้ยล่ะ? ฉะนั้นถ้ามีคนถามคุณว่า “How are you today?” คุณอาจตอบเขาไปอย่างประโยคข้างต้นเพื่อแสดงให้ผู้ถามรู้ว่าคุณกำลังอารมณ์ดี มากๆ

“I wouldn’t touch that (or him/her) with a ten-foot pole.” ไม่ชอบอะไรซักอย่างเหรอ? อะไรบางอย่างนั้นอาจเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างเช่นเศษขยะหรือเศษอาหารเน่า เปื่อย หรืออาจจะเป็นใครบางคนซึ่งคุณไม่ชอบขี้หน้าเอามากๆ และไม่อยากแม้แต่จะเสวนาด้วย ถ้าคุณพูดอย่างประโยคนี้ก็แสดงให้คนฟังรู้ว่าคุณไม่ชอบสิ่งนั้นมากแค่ไหน ขนาดที่ว่าให้แตะด้วยท่อนไม้ยาวสิบฟุตคุณยังไม่เอาเลย!

“I think I went overboard.” ถ้าคุณพูดหรือทำอะไรเกินไปหน่อย(ตรงกับคำสแลงในไทยคือเว่อร์หรือโอเว่อร์ นั่นเอง) คุณสามารถใช้สำนวนนี้ได้เพื่อแสดงให้คนฟังรู้ว่าคุณก็รู้ตัวเหมือนกัน คำว่า“Going overboard”มีความหมายตรงตัวว่าตกจากเรือ แต่ในภาษาอังกฤษนั้นถ้าคุณพูดอย่างนี้เป็นวิธ๊ที่แสดงให้คนเห็นว่าคุณยอมรับ ว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ควรพูดในสิ่งที่เพิ่งพูดไป สำนวนอื่นๆ ที่มีความหมายเดียวกันกับประโยคข้างต้นคือ “I’ve stepped over a line” และ “I’ve gone too far.” คุณสามารถเปลี่ยนคำสรรพนามแล้วใช้ประโยคเหล่านี้เพื่อแสดงว่าคนอื่นทำพลาดไป ก็ได้เช่นกัน

“You don’t have a leg to stand on.” เปล่า นี่ไม่ได้หมายความว่าคนที่คุณกำลังพูดด้วยนั้นไม่มีขาหรอก แต่หมายถึงสิ่งที่คนนั้นถกเถียงกับคุณอยู่นั้นไม่มีมูลความจริงสนับสนุนการ โต้เถียงของเขา ประโยคนี้เป็นวิธีพูดที่ดีที่แสดงให้คนฟังรู้ว่าคุณคิดว่าเขาผิด

“Break a leg!” ความหมายจริงๆ ของประโยคนี้ตรงกันข้ามกับหมายของศัพท์ในประโยค คุณใช้ประโยคนี้เมื่อคุณต้องการบอกอวยพรขอให้ใครโชคดีต่างหาก! ประโยคนี้มาจากความเชื่อโชคลางว่าถ้าคุณพูดอะไรออกมาดังๆ สิ่งตรงกันข้ามกับที่คุณพูดจะเกิดขึ้น ต้นกำเนิดของประโยคนี้มาจากโรงละครและเป็นประโยคที่คนพูดอวยพรให้นักแสดงโชค ดีและประสบความสำเร็จในการแสดง ฉะนั้นคุณสามารถใช้ประโยคนี้อวยพรให้เพื่อนร่วมงานโชคดีกับการพรีเซ้นต์งาน หรือการเข้าสัมภาษณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Mother Day

Fête des Mères

La fête des Mères est une fête annuelle célébrée par les enfants en l'honneur de leur mère dans de nombreux pays. À cette occasion, les enfants offrent des cadeaux à leur mère, des gâteaux ou des objets qu'ils ont confectionnés à l'école, comme un collier de nouilles par exemple.

Compte tenu de la longévité de la vie, cette fête est marquée également par les adultes de tous âges pour honorer leur mère.

เพลง "อิ่มอุ่น" ซึ้ง ๆ

เพลง อิ่มอุ่น

อุ่นใดใดโลกนี้ไม่มีเทียบเทียม
อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตะกอง
รักเจ้าจึงปลูกรักลูกแม่ย่อมห่วงใย
ไม่อยากจากไปไกลแม้เพียงครึ่งวัน

ให้กายเราใกล้กันให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพันธ์

อิ่มใดใดโลกนี้ไม่มีเทียบเทียม
อิ่มอกอิ่มใจอิ่มรักลูกหลับนอน
น้ำนมจากอกอาหารของความอาทร
แม่พร่ำเตือนพร่ำสอนสอนสั่ง

ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามี่พลัง
ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป

ใช่เพียงอุ่นท้องที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น
อุ่นไอรัก อุ่นละมุน
ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อะนะ!! ก็แบบว่า...กลัวตกเทรนด์!!!!


VOCABULARY ( คลายเครียด)


แห้ว - อาหารเสริมของคนอกหัก
ระกำ - อาหารหลักสำหรับคนช้ำใจ
น้ำตา - สุขหรือเศร้าก็มีเขาเป็นเพื่อนแท้
เรื่องใหญ่ - เรื่องของ KU
เรื่องเล็ก - เรื่องของ..ง
เ สื อ ก - ความหวังดีที่ผิดกาลเทศะ ไม่มีใครต้องการ
สอด - เป็นชื่อปลาที่น่ารัก ถ้าเป็นกริยาจะน่าถีบ
วิสามัญ - กรณีที่ตำรวจทำปืนลั่นใส่คนร้าย
ดอกเบี้ย - ดอกไม้ที่ไม่เคยโรยรา
ทอง - สูงค่า แต่จะต่ำมากถ้านำหน้าด้วย “ดอก”
ปาก - บ้างมีไว้พูด บ้างมีไว้ถากถาง
ตีน - ไว้ใส่ปากคนที่ชอบถากถาง
กระเทย - เธอทำได้เช่นหญิงทุกอย่าง ยกเว้นออกลูก
ป่า - มีน้อยลงทุกวัน แต่ป่าเดียวกันเริ่มมีมากขึ้น
แ ร ด - ในป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ ในเมืองกลับเกลื่อน
เ หี้ ย - วิ่งพล่านยามมีคนโกรธ
งู - สัตว์ชนิดหนึ่งพ่อเฒ่านิยมเลี้ยงไว้บนศีรษะ
ตีนกา - ตีนสัตว์ที่คุณหญิงไม่ปรารถนา
ตำราเรียน - สิ่งที่ใช้หนุนหัวแทนหมอนยามใกล้สอบ
ปริญญา - สิ่งที่สังคมไทยใช้วัดค่าของคน
โทรฯมือถือ -เครื่องประดับที่วัยรุ่นมีไว้โชว์ว่าข้ารวย $$
ขยะ - แยกประเภทแล้ว Recycle กลับมาใช้ใหม่ได้
ขยะสังคม - ไม่ควร Recycle กลับมาใช้ใหม่
ตอแหล - อาการของคนฉ้อฉลที่บอกว่าตนโปร่งใส
เช้าชาม เย็นชาม - วิธีประหยัดงบประมาณของภาครัฐ
ม๊อบ - กลุ่มคนที่งานการไม่ทำชอบทำการปิดยึดถนน
อภิปรายไม่ไว้วางใจ - การแสดงโต้วาทีระดับชาติ
ปาหี่ - การแสดงชนิดหนึ่ง ปัจจุบันหาชมได้ที่รัฐสภา
สาดโคลน - การละเล่นชนิดหนึ่งของนักการเมืองไทย
หน้าด้าน -อาการดื้อชนิดหนึ่งที่ประชาชนไล่แล้วไม่ยอมไป
ธรรมะ - ถ้าตามด้วย “ชโย” ไม่ต้องพูดกัน
ชีวิต - เป็นอะไรที่เลือกได้บ้างไม่ได้บ้าง
ความสุข - เป็นช่วงเวลาที่มักจะผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
อก - ในวัยรุ่นมักจะเปราะบางหักบ่อยๆ
รัก - ไข้ใจชนิดหนึ่ง มีอาการหลากหลาย

เรื่องลับของสาวๆ ที่ไม่อยากให้ใครรู้

ใครๆ ต่างก็ต้องมีความลับกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะคะ ความลับของสาวๆ ก็คือ เรื่องราวของสุขภาพที่บางครั้งก็สร้างปัญหาแบบแก้ไขได้ยาก แถมยังทำให้เสียความมั่นใจได้ง่ายๆ อีกด้วย ถ้าอย่างนั้นเราจะปล่อยเรื่องนี้ไว้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ!!! เรามาหาทางจัดการกับปัญหาน่าอายของสาวๆ กันดีกว่าค่ะ ...

ตกขาวมีกลิ่นไม่พึงประสงค์

สาเหตุ : เชื้อรา ทำให้ตกขาวมีสีเหลืองหรือสีเขียว มีกลิ่น (อาจมีกลิ่นเหม็นคาว) และอาจมีอาการคันและแสบที่ปากช่องคลอดร่วมด้วย สาเหตุหลักมาจาก
- สวมกางเกงชั้นในที่ไม่ระบายอากาศ การใส่กางเกงแฟชั่นรัดติ้ว หรือผ้าเนื้อหนาไป
- การรักสะอาดมากไป การใช้สบู่ที่เป็นด่างมากๆ ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
- เกิดจากการลืมเปลี่ยนแผ่นอนามัยทุก 2-3 ชั่วโมง
- รับประทานยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่นคือ การติดเชื้อแบคทีเรีย และติดเชื้อไวรัส อีกด้วย
วิธีแก้ : ป้องกันตกขาวมีกลิ่นได้โดยการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำเปล่าหรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่สกัดมาจากสมุนไพรและมี pH balance ซึ่งมีความอ่อนโยนต่อจุดซ่อนเร้น ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ส่วนสาวๆ ที่มีอาการดังกล่าวแล้วควรไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจภายในและนำตกขาวไปทดสอบหาสาเหตุที่แน่ชัดค่ะ

กลิ่นตัวและเหงื่อใต้วงแขนออกมากเกินไป

สาเหตุ : ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติค่ะ โดยเฉพาะในช่วงของวัยรุ่นอย่างพวกเราซึ่งมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนที่ปรับเปลี่ยนตามธรรมชาติ ถ้าผ่านช่วงนี้ไปปัญหาเรื่องกลิ่นตัวก็จะลดลงไปเอง
วิธีแก้ :
- การใช้โรลออน สเปรย์หรือแท่งสติ๊ก และยาดับกลิ่นตัว
- การอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด ใส่เสื้อผ้าแห้งสะอาด เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี
- หมั่นโกนขนรักแร้
- หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ด อาหารที่มีกลิ่นฉุน เครื่องเทศ
- พบแพทย์ผิวหนัง

ผายลมและเรอบ่อย

สาเหตุ : การผายลมเกิดจาก ก๊าซที่ผลิตขึ้นโดยแบคทีเรียในลำไส้ สาวๆ เชื่อไหมคะว่าในวันหนึ่งเราสามารถผายลมได้ถึง 1.5 ลิตรทีเดียว... การผายลมมากหรือน้อยนั้นเกิดจากปัจจัยหลายอย่างค่ะ
- การกลืนน้ำลาย การใช้หลอดดูดเครื่องดื่ม การเคี้ยวรับประทานอาหาร
-ชนิดของอาหารที่รับประทาน ทำให้เกิดภาวะย่อยยาก เช่น ถั่ว นมวัว น้ำอัดลม หัวหอมใหญ่ เป็นต้น
- มีอาการผิดปกติในระบบย่อยอาหารอยู่ก่อน หรือแม้แต่ความเครียด หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด

วิธีแก้ : สังเกตและหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ถูกกับร่างกาย ที่สำคัญควรงดดื่มน้ำอัดลมที่มีแก๊สมาก เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน หลังรับประทานอาหารพยายามเดินย่อยก่อนสัก 5-10 นาที แต่ถ้ารู้สึกว่ามีอาการท้องอืด จุกแน่น เรอหรือผายลมมากผิดปกติติดกันเป็นเวลานานๆ น้องๆ ก็ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Les inconvénients de l'ancien système postal


Cette invention a été une révolution dans le système postal. Avant 1840, c'est habituellement le destinataire qui paye le coût de transport par les postes du pli qui lui est adressé, et à un prix très élevé. De ce fait, beaucoup de destinataires refusent les lettres trop coûteuses, tandis que des transporteurs privés à meilleur marché concurrencent indûment la poste. La petite histoire veut que Rowland Hill prit conscience des effets pervers de ce système pour les revenus des postes lorsqu'un jour, dans une auberge, il remarqua la serveuse recevant d'un facteur un pli de son fiancé. La jeune femme ne pouvant, semble-t-il, se permettre la dépense, Hill se proposa de la régler. Elle lui avoua que pour correspondre gratuitement, son fiancé et elle dessinaient de petits symboles sur l'enveloppe pour communiquer.

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับ 10 วิธี ระงับอารมณ์ร้อน


1. นับหนึ่งให้ถึงสิบ
เริ่มจากวิธีพื้นฐานอย่างนับเลขในใจ เวลาที่เราโกรธใครให้ลองนับหนึ่งถึงสิบ หรือจะนับถึงร้อยถึงพันก็คงไม่มีใครว่า เพราะการนับเลขจะส่งผลให้เรามีสมาธิ และยังได้มีเวลาไตร่ตรองคิดถึงสิ่งที่ผู้อื่นทำกับเรา และสิ่งที่เรากำลังคิดจะทำด้วย



2. ปล่อยวาง ไม่ยึดติด

ปัญหาที่เกิดขึ้นนทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคนเรามีอัตตามากเกินไป หากเราลองเปลี่ยนความคิด ไม่ยึดติดกับตัวตน แล้วลองคิดว่าสุดท้ายวันหนึ่งเราก็ต้องแตกดับ และสลายไป วนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป เพราะฉะนั้นถ้าเรายอมรับกับวัฏจักรแห่งการเกิด-ดับนี้แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็คงเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น


3. เข้าหูซ้ายทะลุหุขวา

อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ เพราะปกติแล้ว คำว่า "ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา" นั้นเขาใช้เปรียบเปรยคนที่ฟังอะไรแล้วไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับความคิดใหม่ๆ เข้ามา แต่ตอนนี้ผมกำลังหมายถึง ถ้าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว การฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวานั้นนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เราไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ใครกล่าวมา

4. คิดมากไปหรือเปล่า

อาการคิดมากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเครียดได้ ยิ่งอากาศร้อนๆ ยิ่งเหตุการณ์อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ร้อนรน เมื่อเกิดเรื่องก็จะยิ่งเก็บมาคิด จนไม่เป็นอันกินอันนอน ลองเปลี่ยนจากความคิดเรื่องแย่ ๆ เปลี่ยนเป็นคิดเรื่องดีๆ บ้างสิครับ เพราะความคิดนั้นเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเรา ไม่เชื่อลองทำดู คิดดี ทำดี เท่านี้พอ

5. ฝึกสมาธิ

การฝึกสมาธิให้ใจสงบนั้นมีหลายรูปแบบ จะนั่งสมาธิหรือเดินสมาธิก็ได้ อย่างที่ผมเคยเขียนในเล่มก่อนๆ ว่าเมื่อมีสมาธิก็มีสติ เมื่อมีสติก็เกิดปัญญา เวลาเกิดปัญหาก็จะมีทางแก้ไข

6. รู้เขารู้เรา

บางครั้งแค่เราลองมองใส่ใจนิสัยของคนรอบข้างบ้าง ก็สามารถที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เราจะต้องรู้จักระงับสติอารมณ์ของเราด้วย เพราะเมื่อเราทราบแล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี้ หากเรารับนิสัยเขาไม่ได้ ก็ให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้เป็นดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวกัน

7. ขอโทษ คำนี้พูดได้ตาย
หากเราทำผิด การใช้คำว่าขอโทษนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเราจะต้องเอ่ยคำขอโทษ เพราะคำๆ นี้ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีของเราตกต่ำลงหากแต่เป็นการรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตนเองผิดต่างหาก อีกทั้งยังจะทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายคลี่คลายลงได้อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้คำขอโทษอย่างพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ติดเป็นนิสัยที่ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ระมัดระวัง

8. ยิ้มแห่งสยาม

รอยยิ้มสร้างโลกนี้ให้สดใสได้ เหมือนดังคำที่บอกว่า "ถ้าคุณยิ้ม โลกก็จะยิ้มให้คุณ" เพียงแค่คุณไปไหนแล้วมีแต่รอยยิ้มให้คนรอบข้าง คนรอบข้างก็จะอารมณ์ดีขึ้นไปด้วย

9. หายใจเข้า-ออกลึกๆ

การหายใจเข้าออกลึกๆ นานๆ จะทำให้เราได้มีสติยั้งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และทำให้ร่างกายเราได้รับการผ่อนคลายจากลมหายใจที่รับเข้าและส่งออก ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไปในช่วงเวลาที่มีอารมณ์โกรธ ลองหายใจลึกๆ เข้า – ออก อย่างช้าๆ จะช่วยให้สถานการณ์รอบข้างดีขึ้น

10. ไม่หนีแต่ไม่ประทะ

หากเราไม่สามารถจะทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ แต่จะเก็บเอาไว้ก็กลัวจะกลายเป็นคนเก็บกดจะเดินหนีก็จะกลายเป็นคนไม่ยอมรับความจริง หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คงต้องใช้สติที่รอบคอบตัดสินใจในการแก้ปัญหา รับฟังสิ่งที่ผู้อื่นว่ามา แล้วก็นำไปปรับปรุงในส่วนที่ไม่ดี หากแต่เป็นสิ่งที่เขาพูดพร่ำเพรื่อก็ไม่ต้องกังวลให้เสียเวลา เลิกคิดไปเลย ไม่จำเป็นต้องไปต่อปากต่อคำด้วย เพราะการทำเช่นนั้น ไม่ได้ส่งผลดีอะไรขึ้นมาเลย

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ความเชื่อ ต้องห้าม ขณะมี ประจำเดือน

ทราบหรือไม่ว่า ความเชื่อกับพฤติกรรมแบบไหนที่ควรทำหรือไม่ควรทำ ขณะมีประจำเดือน วันนี้มีเรื่องนี้มาฝากคุณสาวๆ ค่ะ...

- ห้ามอาบน้ำเย็น ในช่วงที่มีประจำเดือน เป็นความเชื่อตั้งแต่อดีต เมื่อเวลามีประจำเดือน ฮอร์โมนในร่างกายจะมีการแปรปรวน ภูมิคุ้มกันลดลง การอาบน้ำเย็นจะทำให้ร่างกายต้องปรับอุณหภูมิตาม อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่มีประจำเดือนสามารถอาบน้ำเย็นในระดับอุณหภูมิปกติได้

- ห้ามรับประทานน้ำแข็งหรือของเย็น บางคนประจำเดือนมาต้องหลีกเลี่ยงการกินน้ำแข็งหรือของเย็นทุกที เป็นเพราะความเชื่อที่มีมาแต่เดิม แต่ในความเป็นจริง สามารถที่จะรับประทานน้ำแข็งหรือของเย็นได้ตามปกติ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป

- ห้ามออกกำลังกายเวลาขณะมีประจำเดือน เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะความจริงแล้วการออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมา สารนี้จะทำให้เกิดความสุข ช่วยผ่อนคลายความเครียด และช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ดังนั้นการออกกำลังกายจึงเป็นวิธีป้องกันอาการผิดปกติ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการมีประจำเดือนได้

- ห้ามมีเพศสัมพันธ์ขณะที่มีประจำเดือน ความเชื่อในเรื่องนี้คงจะไม่ใช่ข้อห้าม แต่ก็ควรจะระมัดระวังในเรื่องความสะอาดให้มากกว่าปกติ เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นควรที่จะรักษาความสะอาดเป็นพิเศษทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

- ห้ามลงเล่นน้ำ เป็นความเชื่อในเรื่องของความสะอาด เพราะในน้ำ อาจจะมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนอยู่ อาจทำให้เชื้อโรคเข้าไปในช่องคลอด ทำให้เกิดการอักเสบได้ ดังนั้นถ้าอยากจะลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำก็คงจะต้องเลือกสระว่ายน้ำที่ สะอาด เลือกช่วงเวลาที่ไม่มีคนใช้บริการมากนัก และก็ควรที่จะใช้ผ้าอนามัยแบบสอดก่อนที่จะลงว่ายน้ำ

*** รู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองพิจารณาดูว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำขณะมีประจำเดือน.