++mint_jan++MRB

ยินดีต้อนรับทุกคนที่แวะเข้ามาบล็อกของมิ้นเจนนะค่ะ

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ฤดูฝน กับยางของท่าน


ย่างเข้าสู่ต้นฤดูฝน ที่มาอย่างรวดเร็วในสัปดาห์นี้ ฝนตกหนักสลับเบามาเป็นอาทิตย์แล้ว ผมจึงอยากนำวิธีการขับขี่ในสภาพถนนเปียกมานำเสนอครับ


1.ช่วงที่ฝนตก ไม่ควรใช้ความเร็วเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเร็วกว่านั้นเล็กน้อยตามแต่สภาพผิวถนนและสภาพการจราจร เพระอาจเกิดอันตราย จากการลื่นไถลของรถยนต์ถ้าใช้ความเร็วสูง และผิวถนนมีน้ำท่วมขังอยู่บนผิวการจราจรในขณะที่ฝนตกหนัก และอาจประสบปัญหาลื่นไถลจากการเบรคอย่างรุนแรง แม้จะมีระบบป้องกันล้อล็อก (abs) ก็ตาม เพระยางไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางที่จะสัมผัสกับผิวถนนได้อย่างเต็มที่ ทำให้รถยนต์ที่ใช้ความเร็วสูงในระหว่างฝนตกเกิดอาการเหินน้ำ หรือที่หลายท่านเรียกว่า hydro planning หรือ การแล่นบนผิวน้ำโดยปกติแล้วน้ำที่ท่วมขังผิวการจราจร เมื่อยางรถยนต์แล่นไปบนน้ำ ยางของท่านต้องใช้น้ำหนักและดอกยาง กดไล่น้ำให้ไปที่ร่องยาง และสลัดน้ำออกไปด้านข้างทั้งสองเพื่อให้หน้ายางสัมผัสกับผิวถนนได้อย่างเต็มที่ ถ้ายางหมุนเร็วจนเกินไปเพระผู้ขับใช้ความเร็วสูงมาก ดอกยางก็ไม่สามารถกดไล่น้ำให้เข้าไปที่ร่องยางได้ทัน รถยนต์อาจเกิดการลื่นไถลได้


2.หลายท่านมีความจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ เพื่อไปให้ถึงที่หมาย จึงควรตรวจเช็คลมยางเป็นประจำถ้าถนนที่จะขับผ่านมีน้ำท่วมขังบ้างแต่ยังพอขับได้ควรเติมลมยางให้สูงกว่าปกติ 2-3 ปอนด์ต่ตารางนิ้ว เพื่อทำให้หน้ายางแข็ง และมีกำลังในการวิ่งตัดน้ำ


3.ยางที่ร่องตื้น หรือยางหัวโล้น ควรรีบเปลี่ยนทันทีที่ฤดูฝนมาถึง เพราะดอกยางและร่องยาง มีไว้ให้น้ำแทรกตัวและสบัดออก


4.ควรเลือกใช้ยางดอกละเอียด หรือยางที่มีลายดอกยางเป็นรูปตัววี เพระมีร่องยางที่ช่วยในการรีดน้ำได้ดีขึ้น


5.มียางอะไหล่ พร้อมทั้งแม่แรงติดรถไว้ตลอดเวลา และหมั่นตรวจเช็คลมยางอะไหล่ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: